วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2561

++แนะนำตัวบล็อกเกอร์++


++แนะนำตัวบล็อกเกอร์++

ชื่อ-สกุล
วันเดือนปีเกิด
ที่อยู่
เบอร์โทร
เฟส
ไลน์
IG
ความสามารถพิเศษ
คติประจำใจ
อาชีพในฝัน
เพื่อนสนิท
อาหารที่ชอบ
วิชาที่ชอบ
เกรดเฉลี่ย

วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

คิวปิด (Cupid) กามเทพ



ตอนรับเทศกาลวันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งตรงกับวันสำคัญทางพุทธศาสนาอีกวันคือวันมาฆะบูชา ปีนี้เป็นปีที่สองแล้ว วันก่อนไปทำธุระที่ธนาคารแห่งเห็น เห็นประวัติความเป็นมาของกามเทพ เลยเกิดสนใจอยากจะสืบค้น เสาะหาที่ทาที่ไปของคิวปิด จากการอ่านหลายๆ เว็บ มีเว็บนี้ที่เนื้อหาน่าเชื่อถือ เป็นเรื่องเป็นราวมากที่สุด ซึ่งแต่ละเว็บเนื้อหาใกล้เคียงกัน แต่ไม่ละเอียดเท่านี้ มาอ่านกันเลยจ้ะ.....
ตำนานสำคัญของกามเทพคิวปิดนั้นจะเกี่ยวข้องกับนางไซคี (Psyche แปลว่า จิตใจ หรือ วิญญาณ) ผู้มีรูปโฉมงดงาม เป็นที่เลื่องลือ ผู้ที่ได้พบเห็นต่างก็ลุ่มหลงเทิดทูนจนลืมที่จะบูชาเทพีวีนัส เทพีแห่งความงาม มารดาของคิวปิดไป ทำให้เทพีวีนัสเกิดความไม่พอใจ จึงสั่งให้คิวปิดไปทำให้ไซคีไปหลงรักชายที่เลวทรามต่ำช้าสักคนหนึ่ง คิวปิดได้ฟังดังนั้นก็รีบไปทำตามคำสั่งแม่ โดยลอบเข้าไปในห้องนอนของไซคี ขณะนางกำลังหลับอยู่ ตั้งใจจะยิงศรตามคำสั่งแม่ แต่เมื่อเห็นรูปโฉมของนางกลับตกตะลึง และกลับทำลูกศรในมือทิ่มแทงตัวเอง คิวปิดจึงหลงรักไซคีนับแต่บัดนั้น แต่ก็ทำอะไรเปิดเผยไม่ได้ เพราะกลัวแม่ สุดท้ายก็วางแผน โดยขอความช่วยเหลือจากเทพหลายองค์ให้ไม่มีใครมาสู่ขอนางไซคี (เพราะคิดเอาเองว่า นางอยู่สูงเกินกว่าจะเอื้อมถึง ก็เลยไม่มีใครมาขอ) กระทั่งพี่สาวของนางออกเรือนกันไปหมด พ่อแม่ของนาง จึงต้องอ้อนวอนบวงสรวง เทพอพอลโล เทพแห่งการพยากรณ์ว่า เมื่อไรนางจึงจะได้พบเนื้อคู่ และเนื้อคู่เป็นใคร อยู่ที่ไหน เทพอพอลโล ก็พยากรณ์ว่า คู่ครองของนางไซคีไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นอมนุษย์ และรอคอยนางที่ยอดเขา แต่นางจะต้องไม่มองดูคู่ครองของเธอโดยเด็ดขาด ด้วยความเศร้าทั้งพ่อและแม่ โดยความเห็นชอบของนางไซคี จึงแห่ไปส่งนางไซคีที่ยอดเขาและทิ้งไว้เพียงลำพัง เทพเสฟไฟรัส (Zephyrus) เทพประจำลมตะวันตก จึงพัดพาเธอไปยังปราสาทที่กามเทพคิวปิดเนรมิตไว้ ห้อมล้อมด้วยหุบเขาซึ่งมีธรรมชาติอันสวยงาม ตกกลางคืนคิวปิดก็มาครองคู่อยู่กับไซคี โดยนางมองไม่เห็นว่าเขามีหน้าตาเป็นอย่างไร พอรุ่งสางคิวปิดก็จากไป ท่ามกลางความสุขสบายนั้น คิวปิดขอคำมั่นสัญญาจากนางไซคีว่า จะไม่จุดไฟหรือพยายามมองเห็นตัวเขาว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ไซคีก็รับปาก
ต่อมานางไซคีได้เชื้อเชิญพี่สาวทั้งสองของนางมาเที่ยวยังปราสาท ด้วยความยินยอมอย่างไม่เต็มใจนักของคิวปิด พี่สาวของนางมาพบเห็นปราสาทที่งดงาม ก็รู้สึกอิจฉาในโชคลาภวาสนาของน้องสาว จึงยุยงให้ไซคี ลอบดูตัวสามี โดยวางแผนไว้ว่า หากพบเห็นว่าเป็นอมนุษย์ที่น่าเกลียดก็ให้ฆ่าเสีย นางก็ดันเชื่อในคำยุยงนั้น ซ่อนตะเกียง และมีดเอาไว้ใต้เตียง เมื่อคิวปิดมา และหลับไป นางจึงลอบจุดตะเกียงส่องดูสามี เธอจึงพบว่าสามีของนาง เป็นชายหนุ่มรูปงามกว่าชายใดๆ ที่เธอเคยพบมา ทันใดนั้น น้ำมันตะเกียง ก็หยดลงต้องกายคิวปิดจึงตื่นขึ้น และเมื่อเห็นว่าภรรยาของตน ละเมิดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ คิวปิดจึงบอกนางว่า “ความรักไม่อาจดำรงอยู่ได้ ถ้าปราศจากความไว้วางใจ ข้าจะลงโทษเจ้า ด้วยการจากเจ้าไปตลอดกาล” แล้วก็บินจากไป พร้อมกันนั้นปราสาท และอุทยานที่งดงาม พลันอันตรธานหายไปด้วย
ไซคีเสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น นางพร่ำโทษตัวเองที่ผิดคำสัญญา นางจึงตัดสินใจ ละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อติดตามหาคิวปิด ซึ่งยากลำบากมากสำหรับผู้หญิงอ่อนแอและบอบบางอย่างไซคี แต่พี่สาวทั้งสองของไซคีกลับรู้สึกยินดี พร้อมทั้งไปที่หน้าผาเรียกเทพลมมารับ เพราะคิดว่าคิวปิดอาจจะรับพวกนางเป็นชายาแทนไซคี แต่เพราะ เทพลมเสฟไฟรัส ไม่ได้รับคำสั่งให้มารับเมื่อพวกนางกระโจนออกจากหน้าผา พวกนางจึงตกเขาตาย
ไซคีซัดเซพเนจรรอนแรมตามหาคิวปิดอย่างยากลำบาก จนพบเข้ากับวิหารเทพีดิมิเทอร์ เทพีเเห่งพืชผล ซึ่งของบูชานั้น วางระเกะระกะไม่มีระเบียบเพราะชาวไร่ต่างเหนื่อยล้าจากการทำงาน ไซคี จึงจัดระเบียบ ของเซ่นสรวงจนเรียบร้อย เทพีดิมิเทอร์พอใจมาก จึงบอกให้ไซคีไปที่วิหารของเทพีวีนัสเพื่อขออภัยโทษ
แต่เทพีวีนัส มีความริษยาแรง จึงหาทางกลั่นแกล้งไซคีต่างๆนานาๆ โดยให้ไซคีแยกเมล็ดข้าว ข้าวบาร์เล่ย์ ข้าวโพด ถั่ว และธัญญาหารชนิดต่างๆ ที่ปะปนอยู่ในฉางแยกออกมาให้เสร็จก่อนค่ำ เพื่อให้นกพิราบของพระนางกิน ไซคี ถึงกับท้อแท้ใจ เพราะนางเป็นแค่หญิงมนุษย์ธรรมดา ไม่มีทางจะทำสิ่งที่เกินความสามารถเช่นนี้ได้แน่นอน ในขณะนั้นคิวปิดที่คอยเฝ้ามองดูแลไซคีอยู่ห่างๆ ตลอดเวลาก็ส่งมดฝูงใหญ่มาช่วยงานไซคี โดยมดทั้งหมด ต่างแยกธัญญาหารอย่างเรียบร้อย และรีบกลับไปก่อนค่ำ
เทพีวีนัสกริ้วมาก เพราะรู้ว่าไซคีไม่ได้ทำเอง และคนที่ช่วยเหลือนางก็คือโอรสของพระนางนั่นเอง จึงสั่งให้ไซคี ไปเก็บขนแกะทองคำ มาให้พระนาง ซึ่งแกะขนทองฝูงนั้นโหดร้ายมาก แต่เทพประจำแม่น้ำก็ช่วยเหลือไซคี บอกเคล็ดลับต่างๆ จนไซคีทำภารกิจที่สองสำเร็จ
เมื่อผู้เป็นสะใภ้สำเร็จภารกิจมาได้ทั้งสองครั้ง ทำให้เทพีวีนัสคิดแผนการร้ายกาจที่สุดขึ้นมาได้ โดยรับสั่งให้ไซคี นำผอบไปขอเครื่องประทินโฉมจากเทพีเปอร์เซโฟนี มเหสีของ เทพฮาเดส แห่งยมโลกมาถวายพระนาง ซึ่งหมายถึง การส่งไซคีไปตายนั่นเอง
ไซคีท้อถอยหมดกำลังใจอย่างมากเมื่อรู้ความหมายของเทพีวีนัส นางจึงคิดว่า ดีเหมือนกัน ในเมื่อสามี ไม่เหลียวมองตนอีกต่อไปแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ดังนั้น ไซคีจึงขึ้นไปยังยอดผา เตรียมตัวกระโดดฆ่าตัวตายไปสู่ยมโลก แต่ยังไม่ทันที่ไซคีจะทำตามความตั้งใจ คิวปิดที่เฝ้ามองนางอยู่ จึงเอ่ยปลอบประโลมนาง อย่างอ่อนโยนด้วย ความรัก และ สงสาร ทว่าทิฐิ ก็ยังทำให้กามเทพ ไม่ยอมปรากฏกาย ให้ไซคีเห็น ไซคีได้ยินเสียงปลอบใจปริศนานั้นก็ทำให้มีกำลังใจสู้ต่อ คิวปิดบอกวิธีต่างๆ ในการไปนรก อย่างปลอดภัย ให้กับไซคี พร้อมกับย้ำเตือนนางไม่ให้นางเปิดผอบเครื่องประทินโฉมนั้นเป็นอันขาด
ในที่สุดนางก็ได้รับมอบผอบทองคำ จากเทพีเปอร์เซโฟนี ซึ่งย้ำเตือนไซคีว่า ห้ามเปิดดูผอบเป็นอันขาด อย่างไรก็ตาม ไซคีไม่สามารถอดใจได้ เพราะคิดว่าเครื่องประกอบความงามนั้น จะทำให้เธองดงามกว่าเดิม เพื่อว่าสามีของเธอ จะเกิดความยินดี เมื่อได้พบหน้าเธออีกครั้ง เมื่อเปิดผอบขึ้น เธอก็ล้มสลบลงทันที เพราะเครื่องประกอบความงาม ที่อยู่ในผอบก็คือเวทมนตร์แห่งความหลับใหลในยมโลก (ตรงนี้เป็นการบอกว่า เคล็ดลับ รักษาความงาม ก็คือการได้นอนหลับพักผ่อน อย่างเพียงพอนั่นเอง)
เมื่อนางไซคีสลบไปดังกล่าว เทพคิวปิดที่เฝ้ามองอยู่ก็รีบเข้ามาช่วยเหลือนำเวทมนตร์แห่งความหลับใหลนั่น เก็บใส่ ผอบอย่างเดิม และปลุกไซคีให้ฟื้นขึ้น และชี้ให้ไซคี เห็นโทษของความอยากรู้อยากเห็นที่เกิดขึ้นกับนางถึงสองครั้งแล้ว จากนั้นคิวปิดได้ทูลขอมหาเทพซุส ช่วยเกลี้ยกล่อมให้เทพีวีนัสยกโทษให้ไซคี และ บันดาลให้นางไซคี ได้ความเป็นอมตะ เช่นเหล่าทวยเทพทั้งหลาย ตั้งแต่นั้นเทพคิวปิดและนางไซคีจึงได้ครองคู่อย่างเป็นสุขเป็นต้นมา
หากเราถอดความหมายแล้วก็จะได้ว่า ชีวิต ครอบครัว จะดำรงอยู่ได้ก็ต่อเมื่อมีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และหากเกิด อุปสรรคใดๆ ขึ้นมา ครอบครัวนั้นก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรค และจะได้รับความสุขเป็นรางวัล

ที่มารูปภาพ : http://wanderingbohemian.deviantart.com/art/Cupid-and-Psyche-35252783
http://bestvalentinesday2014.com/valentine-day-cupid-history-history-of-cupid-bow-and-arrow/
http://www.artinthepicture.com/paintings/William_Bouguereau/Cupid-and-Psyche/
ที่มาข้อมูลจากเว็บไซต์ : http://variety.phuketindex.com/faith/%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%AA-eros-cupid-2964.html

วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

โครงงานบูรณาการ

วันวิชาการ ๒๕๕๖


โครงงานบูรณาการ ม.๓/๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๖ ปีนี้ขอเสนอ โครงงาน Amazing Banana
 เป็นโครงงานบูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง นำความรู้เรื่องกล้วยมาสร้างสรรผลงานได้อยากหลากหลายลงตัว เน้นการแปรรูปกล้วยเป็นอาหาร ได้แก่ กล้วยรังนก และกล้วยฉาบ จากรูปเล่มรายงาน ๕ บท และการนำเสนอผลงาน รวมทั้งชิ้นงาน ทำให้ได้รางวัลที่ ๑ ในระดับชั้น ม.๓ มาครองอีกเช่นเคย :)
ด้วยความร่วมมือเป็นอย่างดีของคณะนักเรียน และครูที่ปรึกษา อ.ศิริรัตน์ ปานสุวรรณ และ อ.กรรภิรมย์  ชะเอม

วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ขนมปังกระเทียมอบโบโลน่าชีส


วันนี้ลองทำขนมปังกระเทียมอบดู ดูจากสูตรในเน็ตแล้วไม่น่ายากเกินความสามารถของครูปอไปได้ หุหุ จริงๆ เหตุผลหลักเลยคือ อุปกรณ์ครบ ขนมปัง เนย ขาดแต่กระเทียมก็ให้หลานชายวิ่งไปซื้อแป๊บเดียว ...เพราะขนมปังยังเหลือเกือบ ๒ แถว (ครึ่งปอนด์) ซื้อมาสองสามวันแล้ว ทานไม่หมด กินกันไม่ทัน เพราะขนมเยอะเกิน พรุ่งนี้ขนมปังจะหมดอายุ ครูปอด้วยความเสียดาย เลยเอามาแปรรูปอบ กะว่าจะเก็บได้อีกหลายวัน 5555
ขอบคุณอินเทอร์เน็ต ไฮสปีดที่ลงทุนติด คุ้มจริงๆ อยากทำอะไร ค้นแป๊บเดียว อากู๋ช่วยบ้าง น้องบล็อกเกอร์บ้าง
๑. ขั้นตอนแรกก็จัดการกับขนมปังซะก่อน นำมาผึ่งให้แห้งนิดนึก ตามสูตรนะ...
๒.  ขั้นตอนต่อไปก็เตรียมเนย กระเทียมนำมาตำให้แหลก ...ตีเนยกับน้ำตาลนิด เกลือหน่อย ..แอบใส่กลิ่นวนิลลาจะได้หอม ๆ แล้วตามด้วยกระเทียม ได้ที่ก็นำมาทาให้ทั่วแผ่นขนมปัง
๓. ขั้นตอนต่อไปก็โรยหน้าด้วยโบโลน่า และชีส (เปลี่ยนโบโลน่าเป็นแฮม ไส้กรอก หรืออื่น ๆ ก็ได้จ้า)
๔. อบด้วยเตาอบ ครูปอใช้ไฟอ่อนประมาณ ๑๒๐ อบไม่ถึงสิบนาที ดูจากสี (ตามในเน็ตเค้าว่างั้น ^^')
กลิ่นหอมชวนรับประทาน กะว่าจะเก็บไว้ได้หลาย ๆ วัน ...เจ้าตัวเล็ก กะคุณตา ...อย่างว่า หลายคน ก็หมดภายในพริบตา ...555 ไม่เสียของ ...
Bye Bye... By KruPor

วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

ทริปเที่ยวเสม็ด...เสร็จซะที Samed Trip




ทริปเที่ยวเสม็ด...เสร็จซะที ทริปนี้ของครูปอ กะเด็ก ๆ และ etc. @ อ่าวลุงดำ ที่พักแมงกระพรุนไฟ

ทริปเที่ยวเสม็ด…เสร็จซะที ทริปนี้ของครูปอ กะเด็ก ๆ และ etc. @ อ่าวลุงดำ ที่พักแมงกระพรุนไฟ

การเดินทางท่องเที่ยวคราวนี้ ออกตัวช้าไปนิดนึง แต่ก่อนไปก็ค้นดูข้อมูลเกี่ยวกับเสม็ดไว้พอสมควรแล้ว... ทริปนี้ไปกับน้องสาว หลาน แล้วก็เด็ก ๆ วุ่นวายพอดู ...ก่อนไปยังใจเย็น แวะนู่นนี่อีกต่างหาก กว่าจะถึงระยอง ก็เย็นเลย

   หากชีวิตคือการเดินทาง เราก็คงอยากจะเดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อย ๆ ไม่มีหยุด ฉะนั้นมีโอกาสครูปอก็ยังเต็มใจที่จะเดินทางไปในที่ใหม่ ๆ หรือที่เดิมที่ติดใจไม่มีเบื่อ ...ทริปนี้จริง ๆ นัดกะน้องสาวคนเล็ก (ตัวไม่เล็ก) ไว้ล่วงหน้าแล้ว ตอนแรกว่าจะไปอีกที่นึง ที่มีคอนเสิร์ต มันไก่มาก...แต่คิดไปคิดมา มันไกลมาก... เลยเปลี่ยนใจ ไปที่ใกล้ ๆ ดีกว่า ...ใช้เวลา สองวันจะได้ไม่เหนื่อยเกินไป ^^'
   พอได้จุดหมายปลายทาง ที่จะไป ก็คิดว่าเป็นในแถบภาคตะวันออกนี่แหล่ะ ใกล้บ้านเราดี โจทย์ก็คือเป็นที่ใหม่ที่เรายังไม่เคยไป และคิดว่าสักครั้งต้องไปให้ได้ ก็เลยลงเอยที่เสม็ดนี่แหล่ะ ....จากที่เกริ่นไว้ตอนแรกว่าแวะนู่นนี่นั่น ก็เลยถึงท่าเรือเสม็ดช้า ...เข้าไปถามราคาเรือ ก็พอดีได้แจมกับคู่ที่เค้ากำลังจะไป ราคาเหมาก็เลยมีคนหาร...ได้ราคาไม่ถึงพัน (หัวละ 280) เฉพาะกรุ๊ปเรานะ ..รวมเบ็ดเสร็จเรือเที่ยวนี้ก็ 1400 บาท...เด็ก ๆ ฟรี (ชอบพาเด็ก ๆ เที่ยว เพราะไปไหนไม่เสียเงินนี่แหล่ะ 5555)

   เค้าบอกว่าใช้เวลาแค่ 10 นาที แต่คิดว่าน่าจะเกินนะ...คลื่นก็พอควร เพราะหน้าฝน แต่ดวงคนจะได้เที่ยว วันนี้ไม่มีฝนตกใหญ่ ๆ เลย แค่ปรอย ๆ เท่านั้น อิอิ มาเสม็ดแบบไม่คาดคิด ถึงจะหาข้อมูลไว้ แต่ตามประสาคนไม่เคยมา ถ้าเกาะช้างบ้านเราก็ว่าไปอย่างน่ะ...ไปติดต่อหาที่พักอีกกว่าครึ่งชั่วโมง จึงตกลงปลงใจได้ จุดสำคัญคือติดหาด มีไวไฟ...ได้ที่พักที่ แมงกระพรุนไฟ หาดลุงดำ...ต้องนั่งรถแท็กซี่อีกครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึง...(น่าจะเป็นรถกระบะสองแถวมากกว่า ถ้าเป็นบ้านเราเรียกนะ)
     การเดินทางครึ่งชั่วโมงที่ดูเหมือนไกลกว่านั้น เพราะทางเป็นลูกรัง ดินแดง ๆ ดีที่วันนี้ฝนไม่ตก ทางเลยไม่ค่อยลื่นเท่าไหร่...(แอบสงสัยในใจตั้งแต่พนักงานบอกว่า สี่กม. แต่ใช้เวลาประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง...เป็นบ้านเราไม่เกินห้านาที)...ก็ทางเป็นแบบนี้นี่เอง ๕๕๕ ถามจากพนักงานรีสอร์ทบอกว่ากำลังทำทาง แต่ก็ไม่รู้เมื่อไหร่จะเสร็จ...เสร็จเมื่อไหร่ค่อยเจอกัน (คิดในใจตอนนั้น)
    ถึงที่ัพักก็ทุ่มกว่า ...นอนเล่น หาอะไรทาน ก็สั่งที่แมงกระพรุนไฟนี่แหล่ะ มื้อนี้ก็อาหารทั่ว ๆ ไป...เพราะมีเด็ก ๆ สั่งหลายอย่างก็จะทานกันไม่หมด

   อิ่มหนำสำราญจากอาหารแล้ว ก็เข้าสู่โหมดเทคโนฯ สารพัดแท็ปฯ โน๊ตบุ๊คที่หอบหิ้วมา ในเมื่อมีไวไฟฟรี ก็ต้องไม่ตกเทรนกันละ อัพรูป อัพสเตตัสกันหน่อย หุหุ
    เช้า วันใหม่ อากาศสดใส ตื่นเล่นน้ำทะเลตอนสาย ๆ แต่อากาศยังดูเช้า ๆ เพราะไม่มีแดด น้ำทะเลใสมากกกก สวยไม่ผิดหวังเลยจริง ๆ เมื่อวานมาถึงมืดแล้วเลยไม่เห็นทะเลหน้าที่พัก

เล่นน้ำหายเหนื่อยก็ต้องอาหารเช้าแบบเบา ๆ คงไม่มีอะไรดีเท่าเบรคฟัส..ก็ถือว่าพอใช้ได้ เหมาะสมกับราคาบนเกาะเสม็ดนั่นแหล่ะ โอวันตินร้อน ๆ แล้วก็ขนมปัง


กิจกรรมของเด็ก ๆ แน่นอนเล่นน้ำ จริง ๆ มีเรือให้พาย แต่เวลาน้อย...อยู่ได้ถึงบ่ายโมงก็ต้องกลับแล้ว เล่นน้ำได้ไม่นาน อยากเก็บรูปสวย ๆ ด้วย ...ได้รูปเยอะสมใจอยากเลย
ดูกันให้เต็มอิ่มกันไปเลย...
















บ้านพักของเรา ...เลือกห้องที่รับไวไฟจากร้านอาหารของที่พักได้ ห้องนี้ไวไฟแรงสุด ...เหตุผลหลักทุกครั้งที่เลือกพัก คือฟรีไวไฟค่ะ เพราะต้องอัพสเตตัสกันได้ตลอดเวลา ๕๕๕๕

ในห้องพัก มีสองเตียง ห้องสำหรับ ๔ คน ...ตกคืนละ ๒๖๐๐ ราคาแพงไม่ใช่เล่นเหมือนกันแฮะ...ขนาดช่วงโล นะเนี่ยะ หารเฉพาะผู้ใหญ่สาม (มีเด็กอีกสาม) ก็ถือว่าพอได้ค่ะ นาน ๆ มาที เพราะอยากมาเที่ยว มาชมนานแล้ว ...ยอมรับว่าหาดที่นี่สวย ขาว น้ำใสมากค่ะ พอ ๆ กับเกาะกูดที่ตราดบ้านเราเลย







   นอกจากชอบท่องเที่ยว บวกถ่ายรูป ก็เลยพยายามหามุมกล้องสวย ๆ ทริปนี้ได้ภาพสามร้อยกว่ารูป...กล้องดิจิทอลก็ดีแบบนี้แหล่ะ ถ่ายเข้าไปจนกว่าเม็มฯจะเต็ม หรือไม่ก็กล้องแบตหมด...
   เกือบลืมมื้อกลางวัน กว่าจะกลับก็บ่ายโมง เลยสั่งเป็นอาหารจานเดียวมาทานก่อนดีกว่า กลัวเด็ก ๆ จะหิว...
   พูดถึงกล้องแล้วก็เคืองตัวเองไม่หาย...เกือบไม่ได้ถ่ายรูป เพราะแบตดันมาหมดไว ดีที่มีที่ให้ชาร์ตได้บ้างนิดหน่อยพอประทังไปได้จนจบทริป ...กลางคืนมัวแต่ชาร์ดโน้ตบุ๊คกะแท็ปฯ เลยไม่ได้ชาร์ตกล้องทั้งสองตัวที่เอาไปเก็บทั้งภาพนิ่งและวีดิโอ ^^'

     ก่อนกลับแชะภาพกับฉลามหูดำที่รีสอร์ทเค้าเลี้ยงไว้ดูเล่นกันซะหน่อย...เยอะมาก ๆ 
    ตอนเดินทางกลับเหมาเรือรีสอร์ทกลับ ในราคา 1000 ก็ถือว่าใช้ได้ เดินทางประมาณยี่สิบนาที ... เพราะเห็นถนนเมื่อคืนแล้ว นั่งเรือกลับดีกว่า กรุ๊ปเรา ผู้ใหญ่ 3 เด็ก 3 ราคานี้ก็ถือว่าพอได้ ก็มีเงินนี่นะ... 
     ถึงฝั่งก็แวะซื้อของขบเคี้ยวพวกปลาหมึกทานเล่นระหว่างกลับ...แวะพิพิธภันฑ์สัตว์น้ำระยองก่อนกลับ (จริง ๆ ที่นี่มาหลายครั้งแล้ว...แต่ก็ไม่เบื่อ เพราะเต่าทะเลตัวใหญ่มาก ต้องแวะอีก ตามใจเด็ก ๆ ด้วย)
แล้วก็ตามเคย เด็ก ๆ ฟรี ซื้อแต่ตั๋วผู้ใหญ่ คนละ สามสิบบาท..ก่อนเดินทางกลับจริง ๆ ซะที...
ทริปนี้คิดต่อหัวก็คนละเกือบสามพันบาท กลับถึงตราดแวะอีกนิดก็ยังไม่ทันมืด..ถึงบ้านทำงานบ้าน คือรีดผ้าได้อีก ... คุ้มจริงๆ วันนี้ ...ไว้มีทริปหนุก ๆ จะมาเมาส์ให้ฟังจ้ะ...by KruPOR